ที่ สสส. 018/2566
5 กันยายน 2566
เรื่อง ข้อเสนอการปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี
สิ่งที่ส่งมาด้วย ข้อเสนอการปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา 1 เล่ม
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนด้านการส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน ตามระบอบการปกครองประชาธิปไตย ได้จัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกระบวนการยุติธรรม เพื่อปกป้องคุ้มครองและแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันมีสาเหตุสำคัญมาจากการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ในชั้นเจ้าพนักงาน หรือชั้นของการสืบสวนสอบสวน และการรวบรวมพยานหลักฐานก่อนส่งฟ้องของพนักงานอัยการ เพื่อร่วมกันแสวงหาข้อเท็จจริง ในชั้นพิจารณาคดีของศาล และภายหลังมีคำพิพากษาที่ผู้ต้องโทษต้องเข้าสู่เรือนจำ และการปล่อยผู้ต้องโทษคืนสู่สังคม เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะ กติการะหว่างประเทศว่าสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่ประเทศไทยเป็นภาคี และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
ในการจัดทำข้อเสนอนี้ สสส. ได้จากการประสานความร่วมมือ จัดเวทีรับฟังและประมวลข้อเท็จจริงและความคิดเห็นของเครือข่ายประชาชนหลากหลายกลุ่ม ได้แก่ สมาชิก สสส. ผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน นักปกป้องสิทธิมนุษยชน องค์กรสิทธิมนุษยชน องค์กรประชาสังคม ทนายความ อัยการ และนักวิชาการ ในทุกภูมิภาคในช่วงปี 2562-2563 และประมวลจัดทำรายงานข้อคิดเห็นและเสนอแนะต่อการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ดังที่แนบมาพร้อมจดหมายฉบับนี้ สสส.หวังว่าข้อเสนอนี้ จะได้รับการพิจารณาจากท่าน เพื่อจัดทำเป็นนโยบายและปรับปรุงกฎหมายในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาต่อไป
(1.1) แยกงานตำรวจ ซี่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสายงานบังคับใช้กฎหมาย (Law Enforcement) และงานสอบสวนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสายงานยุติธรรมออกจากกัน โดยให้งานสอบสวนเป็นหน่วยงานอิสระจาก สตช. เพื่อถ่วงดุลการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจ ค้น จับกุม กับ การสอบสวนคดี โดยให้งานสอบสวนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพนักงานอัยการ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสายงานยุติธรรมเช่นกัน ซึ่งนอกจากเพื่อให้พนักงานสอบสวนมีความก้าวหน้าเติบโตในสายงานแล้ว ยังสามารถพัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญงานสอบสวนอีกด้วย
(1.2) กระจายอำนาจการบริหารงานตำรวจของ สตช. ทั้งขอบเขตภาระกิจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อยและงานบุคคล ไปอยู่ในระดับจังหวัดและท้องถิ่น โดยยกเลิกกองบัญชาการตำรวจภาค 9 ภาค กระจายกำลังพลไปประจำโรงพัก เพื่อให้บุคลากรทำงานได้อย่างเต็มที่
ลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น ให้ตำรวจจังหวัดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งยกเลิกกฎหมายที่ให้อำนาจ สตช. ทบทวนคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ โดยคืนอำนาจดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดังเดิม
(2.1) ให้พนักงานอัยการรับผิดชอบกำกับดูแลการสอบสวนคดีของพนักงานสอบสวน เพื่อมุ่งค้นหาความจริงเกี่ยวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาและตรวจสอบการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างมีประสิทธิภาพ และประกันสิทธิของประชาชนที่เกี่ยวข้องกับคดี ทั้งผู้เสียหาย ผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา พยาน และสังคม
(2.2) ให้พนักงานสอบสวนจัดให้มีการบันทึกภาพและเสียง อย่างต่อเนื่องในขณะที่มีการตรวจค้น จับกุม และการสอบปากคำผู้ต้องหา หรือพยาน รวมทั้งขณะลงปฏิบัติงานในพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบความถูกต้องชอบธรรมในภายหลัง
(2.3) ให้มีพนักงานสอบสวนหญิง และตำรวจหญิงทุกสถานีทั่วประเทศ เพื่อให้บริการประชาชนเพศหญิงและเด็กหญิง ได้โดยตรง รวมทั้งบุคลากร เช่น ล่ามภาษาและล่ามภาษามือ อุปกรณ์ในการช่วยเหลือผู้ให้ถ้อยคำ ทนายความที่ปรึกษาด้านกฎหมายแก่ผู้ให้ถ้อยคำ รวมทั้งจัดให้มีห้องสอบสวนให้เป็นสัดส่วน ปลอดภัย เก็บความลับแต่สามารถตรวจสอบได้
(3.1) ให้อัยการเป็นผู้รับผิดชอบและมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลงานสอบสวนคดีอาญาทั้งปวง การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนแต่เริ่มแรก เช่น การแจ้งข้อหา การขอออกหมายศาล การค้น การจับกุม ควบคุมตัว การสอบปากคำ พนักงานสอบสวนต้องแจ้งต่อพนักงานอัยการทันทีเพื่อให้สามารถเข้าไปติดตาม ช่วยเหลือและตรวจสอบได้
คณะกรรมการอัยการมาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นบุคคลภายนอก โดยมาจากสถาบันวิชาการด้านนิติศาสตร์และสิทธิมนุษยชน และผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่เคยเป็นข้าราชการอัยการ
หรือสั่งฟ้องคดีอาญาต่อสาธารณะ
(4.1) ให้โอนงานของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานและสถาบันนิติเวชวิทยาไปสังกัดสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และให้เจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยให้มีอำนาจหน้าที่ร่วมสอบสวนคดีอาญาเพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลและตรวจสอบได้ในกระบวนการสอบสวน
(4.2) ให้ปรับปรุงพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิยาศาสตร์ พ.ศ.2559 ในเรื่องอำนาจหน้าที่ร่วมสอบสวนคดีอาญา ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการกำกับการให้บริการ ประกอบด้วยผู้แทนองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายกแพทย์สภา และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านจิตวิทยา แพทย์ นิติเวชศาสตร์ สิทธิมนุษยชน และด้านสตรีและเด็ก จำนวน 5 คน เป็นกรรมการ
เรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และหากมีความคืบหน้าของข้อเสนอดังกล่าว หรือมีประเด็นที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมประการใด กรุณาแจ้งให้ทราบด้วย จักขอบคุณยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ
(นายศราวุฒิ ประทุมราช)
ประธานกรรมการสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
ติดต่อ : นายอนุชา วินทะไชย ผู้จัดการสมาคมฯ
โทร 022754231-2 มือถือ 0830796411 Email:uclthailand@gmail.com
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) Union for Civil Liberty (UCL.)