จดหมายเปิดถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

 

11 สิงหาคม 2565

เรื่อง   ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ…. 

 

         ตามที่วุฒิสภาได้ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ….  ในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2565 อันเป็นผลให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้กำลังจะถูกส่งมายังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติว่าเห็นชอบด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมของวุฒิสภา นั้น

         สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชนดังรายนามข้างท้าย         มีความเห็นร่วมกันว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวที่ผ่านวาระที่ 3 มาจากวุฒิสภานั้นไม่ได้มีการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ฉบับของสภาผู้แทนราษฎรในหลักการสำคัญ โดยวุฒิสภายังคงไว้ซึ่งเจตนารมณ์ของสภาผู้แทนราษฎรและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่มุ่งหมายให้มีกฎหมายฉบับนี้เป็นการยกระดับปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนประเทศไทยให้เป็นไปตาม อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี  (Convention against Torture and Other Cruel Inhuman or Degrading Treatment or Punishment: CAT)  และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (International Convention for the Protection of all Persons from Enforced disappearance : CED)  แม้จะมีข้อกังวลเรื่องการไม่ยืดอายุความ ไม่ได้กำหนดชัดเจนเรื่องความผิดต่อเนื่องในกรณีการกระทำให้บุคคลสูญหาย และการไม่ให้มีคณะกรรมการตามพรบ.ฉบับนี้ด้วยการสรรหา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายรวมทั้งไม่ให้มีผู้เสียหายหรือผู้แทนผู้เสียหายในระบบการแต่งตั้งคณะกรรมการ ก็ตาม

         ร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขโดยคณะกรรมาธิการ วุฒิสภา ได้ยืนยันสาระสำคัญตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหลายประการ เช่น การนิยามของ “การกระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือเกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานแก่ร่างกายหรือจิตใจ ที่มิใช่การทรมานเป็นความผิดทางอาญา”  การกำหนดข้อบังคับให้ต้องบันทึกวีดีโอระหว่างควบคุมตัวซึ่งระบุให้เจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อควบคุมตัวแล้วจะต้องทำการบันทึกภาพและเสียงทั้งในขณะที่ทำการจับกุมและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งไปถึงพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นมาตรการที่สำคัญในการป้องกันการซ้อมทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหายได้โดยง่าย การกำหนดให้ห้ามทรมานในสถานการณ์สงครามและสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ไม่ยกเว้นความรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ   การกำหนดอำนาจสอบสวนคดีความผิดตาม พ.ร.บ.นี้ไว้กับหลายหน่วยงานทั้งพนักงานสอบสวน ฝ่ายปกครอง อัยการและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ  การเริ่มนับอายุความเมื่อทราบชะตากรรมของผู้ถูกกระทำให้สูญหาย  การยืนยันให้การพิจารณาคดีตาม พ.ร.บ.นี้ให้ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นศาลพิจารณาการกระทำความผิด และให้ตัดอำนาจศาลทหารกรณีเจ้าหน้าที่ทหารที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้

        ด้วยเหตุนี้เราจึงขอเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้โปรดพิจารณารับรองร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ….  ฉบับที่ทางวุฒิสภามีมติเห็นชอบและจะส่งกลับมาที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ผ่านเป็นกฎหมายโดยเร็ว ทั้งนี้เพราะหากไม่เห็นชอบจะต้องมีการตั้งกรรมาธิการร่วมระหว่างวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้การพิจารณาผ่านกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ล่าช้าไปอีก จนอาจไม่ทันสมัยประชุมรัฐสภาที่เหลืออีกไม่นาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการยืนยันหลักการเจตนารมณ์ของการมีร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งการมีกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย สอดคล้องกับที่ประเทศไทยต้องอนุวัติการกฎหมายภายในให้สอดคล้องกับกฎหมายสากลที่รัฐไทยมีพันธกรณี ทั้งยังเป็นกฎหมายที่ภาคประชาชนให้การยอมรับ นำไปสู่การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่สามารถเกิดผลในทางปฏิบัติได้จริง อันเป็นการยกระดับความก้าวหน้าด้านสิทธิมนุษยชนของไทย ให้ยืนหยัดอย่างสง่างามในเวทีประชาคมโลกต่อไป

                                               ด้วยความเชื่อมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย


รายชื่อองค์กรร่วมลงนาม

  1. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
  2. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CRCF)
  3. กลุ่มด้วยใจ
  4. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)
  5. กลุ่มนอนไบนารีแห่งประเทศไทย
  6. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
  7. มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF)
  8. เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ JASAD
  9. เครือข่ายสิทธมนุษยชนปาตานี HAP