แถลงการณ์
เรื่อง ขอให้ยุติการใช้กฎหมายเพื่อปิดกั้นการใช้เสรีภาพเรียกร้องโดยสงบหน้าสถานทูตกัมพูชา
ประจำประเทศไทย

          ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลางได้ออกหมายเรียกนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กับพวกรวม 6 คน และนายณัฐวุฒิ อุปปะกับพวกรวม 4 คน ในข้อหาได้ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรม หรือกระทำการอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยที่ได้กระทำการฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นั้น

          สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน(สสส.) เห็นว่าการออกหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวไม่เป็นไปตามความมุ่งหมายในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่มุ่งป้องกันและแก้ไขโรคระบาดไวรัสโควิด 19 เท่านั้น ข้อกำหนดดังกล่าวจึงไม่อาจใช้บังคับกับการไปเรียกร้องหน้าสถานทูตประเทศกัมพูชาเพื่อให้รัฐบาลกัมพูชาเร่งสืบสวนสอบสวนการถูกอุ้มหายของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกโดยสงบตามรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องสิทธิในชีวิตและร่างกายนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ที่พลเมืองไทยถูกอุ้มหายในประเทศกัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐหรือรัฐบาลไทยไม่เพียงแต่ไม่บังควรปิดกั้นขัดขวางการใช้เสรีภาพของกลุ่มประชาชน

          ดังกล่าว หากยังต้องคุ้มครองการใช้เสรีภาพของกลุ่มประชาชนดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งถือเป็นพันธหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งรัฐไทยต้องมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง “บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง” และ “บุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพแห่งการแสดงออก สิทธินี้รวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา รับและ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและความคิดทุกประเภท โดยไม่คำนึงถึงพรมแดน ทั้งนี้ ไม่ว่าด้วยวาจาเป็นลายลักษณ์ อักษรหรือการตีพิมพ์ ในรูปของศิลปะ หรือโดยอาศัยสื่อประการอื่นตามที่ตนเลือก”

          ดังนั้น สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน(สสส.) จึงขอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยกเลิกการออกหมายเรียกบุคคลที่ใช้เสรีภาพเรียกร้องโดยสงบ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐไทยได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างจริงจัง

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน(สสส.)
15 มิถุนายน 2563