เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562 เวลา 09.30 น.
คณะทำงาน สสส. นำโดยประธาน (นายนิกร วีสเพ็ญ) ได้เข้าร่วมประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เพื่อยื่นข้อเสนอการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาฯ 3 ประเด็นหลัก โดยสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1) ข้อเสนอต่อการแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา (การจับกุม ควบคุมตัว ขัง ปล่อยชั่วคราว สอบสวน ชันสูตรพลิกศพ และไต่สวนมูลฟ้อง)
ความสำคัญของปัญหา
หลักการและแนวคิดในการปฏิรูป
ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
การแจ้งสิทธิ : 1) กำหนดคำนิยาม “ควบคุม” ใหม่ 2) เจ้าพนักงานซึ่งควบคุมตัวบุคคลมีหน้าที่แจ้งให้ญาติหรือบุคคลที่ผู้ถูกควบคุมทราบถึงการควบคุมตัว และ 3) ต้องมีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวหรือเสียงในขณะแจ้ง
การเอาตัวบุคคลไว้ในอำนาจรัฐ : 1) การออกหมายอาญา พนักงานอัยการเป็นผู้กลั่นกรองคำร้องขอออกหมายอาญาต่อศาล 2) การออกหมายจับ แก้ไขเกณฑ์การพิจารณาการออกหมายจับ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เกณฑ์การกำหนดอัตราโทษต่ำหรือสูง ในการออกหมายจับ 3) พนักงานเจ้าหน้าที่มีหน้าที่แจ้งข้อเท็จจริงและเหตุแห่งการจับกุม และรายงานบันทึกการจับกุม 4) การนำตัวผู้ถูกจับไปที่ศาลภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ถูกจับ 5) กำหนดเงื่อนไขการฝากขังใหม่ โดยให้ศาลสั่งขังได้ครั้งละไม่เกิน 12 วัน โดยไม่กำหนดระยะเวลาขังตามอัตราโทษ และ 6) ถ้าเป็นความผิดซึ่งหน้า จะควบคุมผู้ถูกจับไว้ได้ไม่เกิน 10 วัน
การค้น : เพิ่มหลักประกันการคุ้มครองสิทธิในการค้นบุคคลในที่สาธารณะ และการตรวจค้นยานพาหนะให้ชัดเจนขึ้น
การปล่อยตัวระหว่างดำเนินคดี : ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยในระหว่างดำเนินคดีเป็นหลัก ส่วนควบคุมตัวเป็นข้อยกเว้น โดยมีเหตุ 3 ประการคือ จะหลบหนี จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และก่อเหตุอันตราย
การสอบสวน : 1) เพิ่มเติมคำนิยาม “การสอบสวน” 2) พนักงานอัยการ และพนักงานเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆมีอำนาจสอบสวน 3) การสอบสวนที่มีความบกพร่อง ด้วยเหตุแห่งการบริการจัดการทางคดี ทำให้การสอบสวนเสียไป จะไม่กระทบกับอำนาจฟ้องของพนักงานอัยการ 4) ปรับโครงสร้างการสอบสวนและการฟ้องร้องคดีให้เป็นกระบวนการเดียวกัน 5) กำหนดสิทธิของผู้ต้องหาและผู้เสียหายในชั้นสอบสวน 6) เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์และนิติเวชศาสตร์เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา 7) การแจ้งข้อกล่าวหาเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการหรือได้รับความเห็นชอบจากพนักงานอัยการ 8) ห้ามนำผู้ถูกจับหรือผู้ถูกกล่าวหาไปแถลงข่าว หรือมีลักษณะเป็นการประจาน 9) ยกเลิกระบบความเห็นแย้งระหว่างหน่วยงาน และ 10) กรณีมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี พนักงานอัยการมีหน้าที่ส่งพยานหลักฐานทั้งหมด พร้อมความเห็นของพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการในการสั่งคดีให้ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือผู้มีส่วนได้เสียโดยไม่ชักช้า และไม่เกินกำหนดอายุความฟ้องร้อง และต้องสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับความผิดนั้นต่อไปจนกว่าจะนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้
การชันสูตรพลิกศพและไต่สวนการตาย : 1) บทบาทหน้าที่ และความรับผิดของผู้พบศพ 2) ความรับผิดของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจที่รับแจ้งให้ชัดเจน 3) สิทธิของญาติผู้ตายในกระบวนการชันสูตรพลิกศพและไต่สวนการตาย 4) เจ้าพนักงานชันสูตรพลิกศพที่ได้รับมอบหมายจากแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์ ต้องมีคุณสมบัติและผ่านการอบรมทางด้านการชันสูตรพลิกศพหรือการตรวจศพ 5) การกระจายอำนาจและความรับผิดชอบในการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพให้เหมาะสม สอดคล้องกับบริบทแวดล้อมของการตายที่ปรากฏ 6) ให้มีการไต่สวนเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นต้องไต่สวน 7) ให้องค์กรสิทธิมนุษยชนที่เป็นนิติบุคคล หรือบุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์ของผู้ตาย มีสิทธิแต่งตั้งทนายความดำเนินการในชั้นไต่สวนการแทนผู้ตายหรือญาติผู้ตายได้ 8) การผ่าศพเป็นดุลพินิจของแพทย์นิติเวชศาสตร์ 9) พนักงานอัยการมีดุลพินิจในการสั่งให้มีการขุดศพขึ้นตรวจ 10) กรณีการตายที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงาน ให้พนักงานอัยการเป็นผู้รับผิดชอบการทำสำนวนสอบสวน และ 11) กรอบอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในการดำเนินการเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพ เช่น ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง การชดเชยค่าเสียหาย เป็นต้น
ปรับปรุงการไต่สวนมูลฟ้อง : 1) ศาลต้องไต่สวนมูลฟ้องกรณีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ในบางกรณี โดยเฉพาะกรณีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ และ 2) ห้ามองค์คณะผู้พิพากษาที่ทำการไต่สวนมูลฟ้องเป็นองค์คณะในการพิจารณาพิพากษาคดีที่ตนไต่สวนมูลฟ้อง
2) ปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและความแพ่ง (Anti-SLAPPs LAW)
ความสำคัญของปัญหา
จากการศึกษาของสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน พบว่า การฟ้องคดีปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะในประเทศไทยนั้น มีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา แต่คดีอาญาจะมีจำนวนมากกว่าคดีแพ่ง ทั้งนี้เพราะกฎหมายไทยกำหนดโทษทางอาญา ที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการฟ้องคดีเพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะได้ และต้นทุนการฟ้องคดีต่ำกว่าคดีแพ่ง
หลักการและแนวคิดในการปฏิรูป
การฟ้องคดีปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะ หรือ (Strategic Lawsuit Against Public Participation/SLAPPs) เป็นการคุกคามต่อสิทธิในเสรีภาพในการแสดงออก การแสดงความคิดเห็น การชุมนุมโดยสงบของบุคคลหรือกลุ่ม เพื่อปิดกั้นไม่ให้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หรือการดำเนินการโครงการต่างๆของบริษัทเอกชน
ดังนั้นเพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญของบุคคลหรือกลุ่ม ที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในประเด็นสาธารณะ และคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่ฟ้องคดีโดยสุจริตเพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น
การแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
3) การปรับปรุงแก้ไข พรบ. กองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2558
ความสำคัญของปัญหา
หลักการและแนวคิดในการปฏิรูป
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) Union for Civil Liberty (UCL.)